ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับยางรถยนต์

ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับยางรถยนต์

เราอยากให้ผู้ใช้รถยนต์ทุกท่านมีความรู้เพิ่มเติมบ้างเพื่อให้ตลอดใช้ยางรถยนต์ของท่านมีสภาพดีอยู่เสมอ

แรงดันลมต่ำเป็นอย่างไร

ในสภาวะที่แรงดันลมยางน้อย เกินไปไม่เพียงพอต่อสภาพที่จะทำให้รถยนต์ขับเคลื่อนไปได้อย่างสมบูรณ์ ไม่เพียงแต่จะทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเท่านั้น จากภายนอกยังสังเกตเห็นความร้อนที่สูงขึ้น จากความร้อนที่เกิดขึ้นนี้ทำให้ยางรถยนต์ถูกเผาให้เสื่อมเร็วขึ้นซึ่งอาจก่อ ให้้เกิดอันตรายต่อผู้ขับขี่ แรงดันลมยางมีีความสัมพันธ์ต่อการขับเคลื่อนของรถยนต์ ถ้าแรงดันลมน้อยเกินไปจะทำให้รถยนต์เคลื่อนที่ได้อย่างเชื่องช้า ดังนั้นควรตรวจสอบลมยาง ให้เหมาะสมกับรถยนต์ของเราให้ดี ที่พิเศษคือยางซีรีย์ต่ำ

ถ้าลมยางน้อยเกินไปจะดูจากภายนอกไม่ออกจึงจำเป็นต้องรอให้ยางเย็นตัวลงก่อน จึงจะตรวจสอบแรงดันลมได้โดยใช้เครื่องมือที่เชื่อถือได้ นอกจากนี้เมื่อเราเปลี่ยนแปลงขนาดของยางรถยนต์จะต้องขอคำแนะนำจากร้านค้าที่ ไว้ใจได้เพื่อทราบค่าของลมยางที่เหมาะสมกับรถเรา

รับรู้ลมยางรถของคุณ

ภายในรถยนต์นั้น โรงงานที่ผลิตรถยนต์ต้องแนบข้อมูลเกี่ยวกับขนาดยาง และปริมาณแรงดันลมยาง มากับรถยนต์ (ปกติจะติดไว้ที่บริเวณประตูหน้ารถ) ตำแหน่งของแผ่นข้อมูลจะแตกต่างกันไปตามยี่ห้อรถ เพื่อให้ผู้ขับขี่นำไปปฏิบัติก่อนออกรถทุกครั้งให้ตรวจสอบลมยางด้วยว่ามีแรง ดันเหมาะสมกับรถยนต์ ที่ท่านใช้อยู่หรือไม่

อันตราย ! ถ้ายางของคุณสึก หน้ายางโล้น

การเพิ่มน้ำหนักบรรทุก ซึ่งมีผลต่อการสึกของยางรถยนต์ ไม่เพียงแต่ทำให้สมรรถนะการขับเคลื่อนของรถ ลดลง แต่มีผลให้ในยามฝนตก การรีดน้ำออกจากล้อรถยนต์มีน้อยกว่าปกติด้วย มีผลต่อเนื่องให้การห้ามล้อ และพวงมาลัยเริ่มขัดข้อง การลื่นไถลของยางจะปรากฎขึ้นถ้าระดับการสึกหลอมีมากจนเห็นได้ชัด ดังนั้นควรที่จะทำการเปลี่ยนยางใหม่ทันที

สภาพอย่างไรจึงเรียกว่าหมดอายุการใช้งาน (หมดสภาพ)

ตัววัดความสึกหรอของยาง (เครื่องหมายสามเหลี่ยม) จะมีอยู่ที่บริเวณหน้ายาง และเส้นรอบวงที่แก้มยาง ซึ่งจะมีอยู่ 4-9 ตำแหน่ง เมื่อหน้ายางมีการสึกหรอลึกลงจนเหลือ 1.6 mm. ตัววัดยางสึกหรอนี้จะปรากฎขึ้นมาเพื่อบ่งบอกว่าระดับการสึกหรอของยางนี้ต่ำ กว่ามาตรฐาน ความปลอดภัย ยางที่สึกหรอขนาดนี้จะทำให้สมรรถนะในการขับขี่ลดลงและถ้ายังฝืนใช้ต่อไปอาจ เป็นอัตรายต่อผู้ขับขี่ได้

ยางรถยนต์ที่เสียหายโดยไม่ได้ตั้งใจ (หมายถึงไปโดนอะไรมา ไม่ได้เสื่อมสภาพตามกาลเวลา) 
ไม่ต้องห่วงจริงหรือ ?

เมื่อยางรถยนต์เกิดบาดแผลหรือการเสียรูป ซึ่งไม่สามารถทำการซ่อมแซมให้ยางมีสภาพการใช้งานที่ดี ดังเดิมสมมุติว่าความเสียหายกินถึงบริเวณเส้นใยเหล็กหรือโครงยางด้านใน ซึ่งทำให้เกิดอันตราย ต่อผู้ขับขี่จากความเสียหายนี้ได้ ให้หยุดการใช้งานทันที และอย่าละเลยที่จะหมั่นตรวจสอบยางรายวัน ในวันหนึ่งใดวันหนึ่งเห็นว่ามีร่องรอยบาดแผลหรือยางเสียรูปผิดปกติให้ไปพบ ร้านยาง เพื่อทำการตรวจสอบทันที

ดูรูปร่างแก้มยางว่ามีความผิดปกติหรือไม่ ? เมื่อสภาพแก้มยางด้านใดด้านหนึ่งเกิดการเสียรูป ให้รีบไปพบร้านยางเพื่อทำการตรวจสอบทันที โดยเฉพาะการเสียรูปที่เรียกว่า"ยางบวม" เกิดจากการ ที่ล้อเบียดหรือปีนขอบถนนจึงเป็นผลให้ใยเหล็กที่อยู่ชั้นในของยางฉีกขาด ทำให้เกิดการเสียหายกับ แก้มยาง หากยังคงใช้งานต่อเนื่องอาจเกิดอันตรายได้

การสลับยางมีวิธีการอย่างไร

หลักในการสลับตำแหน่งยางนั้น จะทำการสลับตามชนิดของยาง และประเภทของระบบขับเคลื่อนของรถยนต์ โดยการสลับยางจะช่วยทำให้การสึกหรอ ของหน้ายางเรียบสม่ำเสมอเท่ากันทั้ง 4 เส้น รวมทั้งช่วยยึดอายุการใช้งาน ขอแนะนำให้ทำการสลับยางทุกๆ 5,000 กิโลเมตร หรืออย่างน้อยภายใน 10,000 กิโลเมตร

การปรับขนาดยางและล้อ ทำอย่างไร

โดยปกติแล้วบริษัทผู้ผลิตรถยนต์จะเป็นผู้กำหนดสเปคขนาดยางเพื่อใช้ในการ ประกอบกับล้อของรถยนต์แต่ละรุ่น แต่ละยี่ห้อ เพื่อให้ได้ยางที่เหมาะสม กับรถยนต์ ทั้งนี้ได้ผ่านมาตรฐานตามเกณฑ์การทดสอบที่บริษัทผู้ผลิตรถยนต์เป็นผู้กำหนด

สำหรับการเปลี่ยนยางใหม่ เพื่อทำการทดแทนยางเส้นเก่าที่ติดมากับรถยนต์ หรือต้องการที่จะเปลี่ยนรูปลักษณ์ของยางและล้อให้สวยงามนั้น มีสิ่งที่ต้องคำนึงถึงดังต่อไปนี้

1. ความสามารถในการรับน้ำหนัก จะต้องมากกว่าหรือเท่ากับขนาดเดิม
2. ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางยาง จะต้องใกล้เคยงกับขนาดเดิม

การเปลี่ยนแปลงขนาดยางและล้อที่ผิดวิธีจะมีผลเสียดังนี้

1. ขนาดยางเล็กไปทำให้ความสามารถในการรับน้ำหนักลดลง, สิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง และมาตรวัดความเร็ว แสดงผลคลาดเคลื่อน
2. ขนาดยางใหญ่ไปทำให้ยางอาจเสียดสี หรือสัมผัสกับชิ้นส่วนอื่นๆ ของรถยนต์, พวงมาลัยหนักขณะใช้ความเร็วต่ำ และมาตรวัดความเร็ว แสดงผลคลาดเคลื่อน

ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงขนาดยาง และล้อควรปรึกษากับทางร้านค้า/ ตัวแทนจำหน่ายยางรถยนต์ เพื่อให้ได้ขนาดยาง และล้อที่เหมาะสมกับรถยนต์ของท่าน

การดูแลรักษาเก็บยางรถยนต์อย่างไร จึงนับว่าเป็นวิธีที่ถูกต้อง

การบำรุงรักษายางนั้น จะต้องหลีกเลี่ยงการจอดรถยนต์หรือเก็บยางในบริเวณ ที่มีแดดมีฝน (เลี่ยงความร้อนและหลีกเลี่ยงความชื้น) นอกจากนี้ระวังอย่าเก็บในสถานที่ที่จะทำให้ยางเลื่อมสภาพได้ ให้เลี่ยงการเก็บยางไว้ใกล้หม้อแบตเตอรี่ น้ำมันบางชนิด เครื่องทำความร้อน หากปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดจะช่วยลดความเสี่ยงที่ยางของคุณจะเสื่อมสภาพ เร็วขึ้นได้